Physical Address
304 North Cardinal St.
Dorchester Center, MA 02124
4 เคล็ดลับเพื่อส่งต่อ ‘ธุรกิจครอบครัว’ แบบมืออาชีพ
สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการทั้งหลาย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมในการจะต้องเกษียณตัวเอง และส่งต่อธุรกิจให้ทายาทสืบทอดธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจในรูปแบบของ “ธุรกิจครอบครัว (Family Business)” หรือองค์กรทางธุรกิจที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นเจ้าของทั้งหมดหรือเป็นเจ้าของเป็นส่วนใหญ่ การวางแผนหาผู้สืบทอดธุรกิจคนต่อไป (Succession Planning) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอนของการวางแผนเพื่อให้การส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นเป็นไปได้อย่างราบรื่น ลดความขัดแย้ง ซึ่งการจะทำให้การสืบทอดธุรกิจประสบความสำเร็จ เป็นความมั่งคั่งที่ยั่งยืนเหมือนรุ่นเดิมได้นั้น ก็ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ การสร้างความภาคภูมิใจในการเป็นทายาทที่รับช่วงต่อของธุรกิจ รวมถึงการมี Connection ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว และในระบบเครือข่ายธุรกิจของครอบครัวด้วยเช่นกัน
นี่คือสิ่งที่บรรดาเจ้าของธุรกิจควรนำไปปรับใช้ ก่อนส่งไม้ต่อให้ทายาทรุ่นต่อไป เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนผ่านธุรกิจครอบครัวเป็นไปอย่างราบรื่น ยั่งยืน และยาวนาน ได้แบบมืออาชีพ ด้วย 4 เคล็ดลับการส่งต่อกิจการให้ทายาทธุรกิจเพื่อเป้าหมายความสำเร็จทางธุรกิจร่วมกัน ดังนี้
1. ลด “การควบคุม” เปลี่ยนเป็น “ทำงานร่วมกัน”
เมื่อทายาทรุ่นใหม่ต้องเข้ามาสืบทอดกิจการต่อจากคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าทั้งด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่มากกว่า ก็อาจมีความเสี่ยงในการเกิดความขัดแย้งเมื่อต้องเข้ามาทำงานภายใต้การบริหารงานแบบธุรกิจครอบครัว ทั้งจากเรื่องของความเป็นอาวุโส ความคิด วิสัยทัศน์ ช่องว่างระหว่างเจนเนอเรชั่น และการถูกควบคุมจากผู้บริหารรุ่นก่อน
ดังนั้น ก่อนที่จะถ่ายโอนอำนาจให้คนรุ่นใหม่ ผู้บริหารรุ่นเดิมควรมีการปรับเปลี่ยน Mindset หรือวิธีคิด เพื่อสร้างความสมดุลในการบริหารงานระหว่างทั้งสองฝ่าย เช่น มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ ขอบเขตงานให้กับคนรุ่นใหม่อย่างชัดเจน รวมถึงอำนาจการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ที่ผู้บริหารรุ่นเดิมเห็นว่าเหมาะสม เพื่อแสดงความไว้วางใจในตัวทายาท และช่วยลดปัญหาความขัดแย้งที่จะตามมา และลองให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานร่วมกับตนเองและทีมงานร่วมรุ่นเพื่อจะได้ให้แนะนำในการทำงานและติดตามผลการทำงานได้อย่างใกล้ชิด
2. ให้อิสระในการแสดงความคิดเห็น
สิ่งที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวรุ่นก่อตั้งมักจะมีความกังวลก็คือ การขาดความมั่นใจว่าทายาทธุรกิจของตัวเองจะสามารถรักษาและพัฒนาความมั่นคงของธุรกิจที่ตนลงมือสร้างมาไว้ได้หรือไม่ ซึ่งวิธีที่จะช่วยลดความวิตกกังวลในเรื่องนี้ได้ คือการเปิดโอกาสให้ทายาทได้เข้ามามีส่วนร่วม แบ่งปันมุมมอง มีอิสระในการแสดงความคิดเห็นใหม่ๆ เพื่อดูว่าพวกเขามีแนวคิดอย่างไรในการที่จะบริหารและรักษาธุรกิจครอบครัวไว้ได้
ทั้งนี้ควรมีการชี้แจงรายละเอียดข้อตกลงแบบเป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกันจะดีกว่าแค่คำชี้แนะปากเปล่า เพราะคนรุ่นใหม่จะได้มีกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนขึ้น รวมถึงได้รับรู้เป้าหมายความสำเร็จในธุรกิจร่วมกันกับคนรุ่นเก่าด้วย
3. สร้างความคุ้นเคย ปลูกฝัง และสอนให้เรียนรู้
สิ่งที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวควรทำ ควรวางแผนมาตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อคิดจะส่งไม้ต่อให้ทายาท คือ การปลูกฝังทายาทหรือผู้ที่คิดว่าจะให้สืบทอดธุรกิจครอบครัวคนต่อไป โดยการให้ทายาทได้มีความคุ้นเคยกับการทำงาน มีส่วนร่วม มีโอกาสได้เรียนรู้การทำงานของกิจการครอบครัว เพื่อหล่อหลอมและปลูกฝังแนวคิดในการธุรกิจให้พวกเขา เช่น การให้ทายาทได้เข้ามาเห็นบริษัทหรือโรงงานของตน และแนะนำถึงกระบวนการทำงาน ให้รู้จักเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ในการทำงาน รวมถึงความรู้จักบุคคลากรที่ร่วมงานด้วย เพื่อสร้างความคุ้นเคยและสัมพันธ์ที่ดีในการบริหารงานต่อไปได้
4. ปลดล็อกในใจตัวเองก่อนส่งต่อธุรกิจให้ทายาท
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือความขัดแย้งต่างๆ ขึ้นต่อการส่งต่อธุรกิจให้แก่ทายาท เจ้าของกิจการอาจจะต้องลองตั้งคำถามเพื่อปลดล็อกในใจตัวเองว่า มีความพร้อมที่จะวางมือและส่งไม้ต่อให้กับทายาทคนใหม่มากน้อยแค่ไหน เช่น ที่ผ่านมาเราได้ถ่ายทอดความรู้และทักษะการทำงานให้ทายาทเพียงพอแล้วใช่หรือไม่, สิ่งที่เป็นจุดแข็ง จุดอ่อน หรือสิ่งที่ต้องเสริมให้กับทายาท, เราได้สนับสนุนเขาให้มีอิสระและอำนาจในการตัดสินใจได้อย่างเพียงพอแล้วใช่หรือไม่ เป็นต้น หากเคลียร์คำตอบในใจเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนและเป็นไปในทางที่พร้อมจะให้ทายาทเข้ามารับบริหารงานต่อแล้ว ก็ไม่ยากที่จะให้โอกาสทายาทรุ่นใหม่เข้ามาบริหารงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4 เคล็ดลับดังกล่าวมานี้ หากได้ลองนำไปปฏิบัติอย่างมีการวางแผนล่วงหน้า จะเป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยให้การบริหารธุรกิจครอบครัวในมือของทายาทรุ่นต่อๆ ไปของคุณ เป็นไปอย่างมีทิศทาง เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ดังเดิม และสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้
ขอบคุณข้อมูล